การจลาจลตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน

1291402_428159557304176_2027171459_a

การปราบชุมนุมต่างๆการขจัดอิทธิพลของพม่าออกไปจากดินแดนไทย ตลอดจนการขยายอาณาเขตออกไปยังดินแดนลาวและเขมร แม้ว่าจะทำให้ประเทศชาติมีความเป็นเอกภาพและความมั่นคงก็ตาม แต่การที่สมเด็จพระเจ้าตากสินติ้งทำสงความตลอดรัชกาลของพระองค์ ซึ่งในช่วงเวลา 15 ปีเกิดศึกสงครามถึง 10 ครั้ง ทำให้พระองค์ต้องตรากตรำจากการทำสงครามต่อเนื่อง ประกอบกับทรงต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีในการรบการการส่งกองทัพไปรบตามหัวเมืองต่างๆมาเป็นการตั้งรับในราชธานี อันเป็นผลมาจากการทิ้งเมืองเชียงใหม่ให้ร้างใน พ.ศ. 2319 และสภาพร่วงโรยของหัวเมืองเหนือหลังเสร็จศึกอะแซหวุ่นกี้ จนไม่สามารถใช้เป็นแนวรบได้ดั่งเช่นในอดีต สร้างความกังวลและความไม่สบายพระทัยให้กับพระองค์เป็นอย่างยิ่ง เพราะการตั้งรับข้าศึกภายในราชธานี ถ้าพ่ายแพ้ก็หมายถึงการล่มสลายของบ้านเมืองดังเช่นที่เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา แรงกดดันเหล่านี้สร้างความเครียดให้กับพระองค์ จนถึงกับปฏิบัติพระองค์ผิดปกติไปในตอนปลายรัชกาล อันมีผลทำให้เกิดจลาจลในแผ่นดินขึ้นที่สุด

1.การจลาจลวุ่นวายในเขมร  2323

พ.ศ. 2323 เกิดการกบฏในเขมร พวกกบฏจับพระรามราชาและพระนารายณ์ราชาปลงพระชนม์ทั้งสองพระองค์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกและเจ้าพระยาสุรสีห์ไปปราบการจลาจลได้สำเร็จ และโปรดเกล้าฯ ให้นักองเองซึ่งเป็นโอรสของพระนารายณ์ราชาได้ขึ้นครองราชสมบัติแทน แต่เนื่องจากยังทรงพระเยาว์ จึงมีฟ้าทะละหะ (มู) เป็นผู้สำเร็จราชการแทน เขมรจึงหันไปพึงญวนอีกครั้งหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกไปปราบเขมร ขณะที่กองทัพไทยจะรบกับเขมรอยู่นั้น ก็มีข่าวว่าทางกรุงธนบุรีเกิดจลาจลวุ่นวาย ด้วยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเสียพระสติ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจึงต้องรีบยกทัพกลับ

 

 

 

1369117_428159850637480_887233274_n

2.ความวุ่นวายภายในกรุงธนบุรี  2324

สัญณาณการบอกเหตุความผิดปกติของพระองค์มีมากมาย เริ่มจากการที่พระองค์สนพระทัยเรื่องปาฏิหาริย์และเชื่อว่าการเจริญกรรมฐานจะทำให้พระองค์มีความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วๆไป ซึ่งบาทหลวงฝรั่งเศสได้บันทึกว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงรับสั่งอยู่เสมอว่าพระองค์สามารถเหาะไปในอากาศได้ ทำให้พระองค์มุ่งมั่นในการเจริญกรรมฐานอย่างหนัก โดยทรงไปปฏิบัติกรรมฐาน ณ พระอุโบสถวัดบางยี่เรือใต้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2319 การคร่ำเคร่งมากเกินไปและการมีจุดประสงค์ในการที่ผิดหลักพระพุทธศาสนา ทำให้พระองค์มีพระสติฟั่นเฟือน โดยสำคัญพระองค์ว่าทรงทรงบรรลุโสดาบัน จึงตรัสถามพระราชาคณะว่าภิกษุจะไหว้คฤหัสถ์ที่เป็นพระโสดาบันได้หรือไม่ เมื่อพระราชาคณะทูลว่าไม่ได้ก็ทรงพิโรธ ทรงให้ถอดพระราชาคณะออกจากสมณศักดิ์ แล้วให้เฆี่ยนรวมทั้งพระลูกด้วย ตั้งแต่นั้นมาพระสงฆ์เมื่อเข้าเฝ้า

จะต้องถวายบังคมดังเช่นฆราวาสจนสิ้นรัชกาล นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์อื่นๆอีกมากที่แสดงถึงพระสติที่แปรปรวนของพระองค์ ทำให้พระองค์สั่งประหารชีวิตผู้คน

โดยไม่มีความผิดหลายครั้ง ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งพระชายาและเจ้า1371214_428159610637504_1136363572_n

จอมของพระองค์ สร้างความระส่ำระสายให้กับบ้านเมืองไปทั่ว

การกระทำของสมเด็จพระเจ้าตากสินตอนปลายรัชกาล ซึ่งขัดต่อขนมประเพณีที่พระมหากษัตริย์พึงปฏิบัติ เช่น บังคับให้ภิกษุกราบไหว้พระองค์ เป็นต้น ทำให้กลุ่มขุนนางที่จงรักภักดีเริ่มเสื่อมศรัทธาในพระองค์และเอาใจออกห่าง ประกอบกับในตอนจะสิ้นรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินยังทรงกระทำการหลายอย่างที่ทำให้เชื่อว่า พระองค์เสียพระสติมากขึ้น เช่น ทรงสอบถามถึงพุทธลักษณะของพระพุทธเจ้าเพื่อเปรียบเทียบกับพระวรกายของพระองค์ ทรงสอบฌานกับพระราชาคณะ ทรงลงโทษน้าของเจ้าพระยาจักรี ตลอดจนทรงยกย่องพี่เลี้ยงของพระราชบุตรและพระราชธิดาเป็น”สมศรีสมทรง”(เมียเจ้า)*4เป็นต้น ทำให้บ้านเมืองเกิดความสับสนวุ่นวายจึงเกิดกลุ่มบุคคลต่อต้านพระองค์มากยิ่งขึ้น ในขณะที่อำนาจพระองค์กลับอ่อนแอลงเรื่อยๆ

3.กบฏพระยาสรรค์  2324

พ.ศ. 2324 เกิดจลาจลที่กรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงให้พระยาสรรค์ขุนนางที่พระองค์ไว้วางพระทัยอย่างมาก ขึ้นไประงับการจลาจล โดยสมเด็จพระเจ้าตากสินไม่ทรงทราบว่า หัวหน้าที่ก่อความวุ่นวายคือ ขุนแก้ว น้องชายของพระยาสรรค์นั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ นอกจากพระยาสรรค์จะไม่ปราบพวกก่อความวุ่นวายแล้ว ยังอาศัยช่วงจังหวะที่กลุ่มขุนนางไม่พอใจพระเจ้าตากสิน และดำเนินการต่อต้านพระเจ้าองค์ ตัดสินใจร่วมมือกับพวกก่อการจราจล ยกกำลังมาตีกรุ่งธนบุรี และเข้ายึดอำนาจจากสมเด็จพระเจ้าตากสินได้สำเร็จ พร้อมกับบังคับให้พระองค์ทรงผนวช และจับพระบรมวงศานุวงศ์มาจองจำไว้ในราชวังแล้วตั้งตนเป็นผู้สำเร็จราชการพร้อมกับประกาศจะถวายราชสมบัติให้สมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึกปกครองต่อไป ต่อมาพระยาสรรค์เปลี่ยนใจคิดจะครองราชย์สมบัติเสียเอง จึงเตรียมกองกำลังไว้ต่อสู้กับสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งจะกลับจากการทำสงครามในเขมรในระหว่างนี้

4.สงครามกลางเมืองระหว่างพระยาสรรค์และพระยาสุริยอภัย 2324

พระยาสรรค์ให้กรมขุนอนุรักษ์สงคราม ยกทัพไปโจมตีค่ายพระยาสุริยอภัย หลานของสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึกที่ยกทัพมาจากนครราชศรีมา เพื่อมารักษากรุ่งธนบุรีตามคำสั่งของสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก ทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันอย่างหนัก กรมขุนอนุรักษ์สงครามเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และถูกจับได้ พระยาสรรค์คิดว่าเรื่องที่ตนให้กรมขุนอนุรักษ์สงครามยกทัพไปตีค่ายพระยาสุริยอภัยเป็นความลับ จึงวางตัวนิ่งเฉยอยู่ในวัง พระยาสุริยอภัยซึ่งรู้ความจริงทั้งหมดจากกรมขุนอนุรักษ์สงครามเห็นเช่นนั้น จึงได้ควบคุมสถานการณ์ในวังเอาไว้ แล้วให้สึกสมเด็จพระเจ้าตากสินแล้วนำไปจองจำเอาไว้ เพื่อรอสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึกตัดสินความต่อไป

 

 

5.การพิจารณาปัญหาเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน

สมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพมาถึงกรุ่งธนบุรี เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 พระองค์ได้ประชุมขุนนางและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เพื่อวางแผนฟื้นฟูบ้านเมืองพร้อมกับสอบถามความเห็นว่าจะจัดการกับสมเด็จพระเจ้าตากสินอย่างไร ที่ประชุมเห็นความว่าควรจะสำเร็จโทษพระเจ้าตากสินเสีย เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อความมั่นคงของแผ่นดินต่อไป ส่วนพระยาสรรค์ถูกประหารชีวิตในภายหลัง จากนั้นขุนนาง ข้าราชการ และราษฎรได้พร้อมใจกันทูลเชิญสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นกษัตริย์ต่อไปเป็นอันสิ้นสุดยุคธนบุรีพร้อมกับมีการสถาปนาราชวงศ์ใหม่คือ“ราชวงศ์จักรี”ในพ.ศ.2325

6.สรุปการสิ้นสุดของสมัยกรุงธนบุรี กิดเหตุจลาจลในปลายรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช คือ พระยาสรรค์ได้ตั้งตัวเป็นกบฏ ได้บุกมาแล้วบังคับให้พระองค์ผนวช ขณะนั้น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทรงทำศึกอยู่ที่กัมพูชา ทรงทราบข่าวจึงได้เสด็จกลับมายังกรุง ได้ปราบปรามจลาจลแล้ว สืบสวนหารือควรสำเร็จโทษสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และโปรดเกล้าให้ย้ายราชธานีมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และในต่อมาได้พระราชทานนามใหม่ว่า กรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระมหาอุปราช เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ พระราชโอรสพระองค์โตในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์เช่นกัน

 

 

 

1291132_428159637304168_875070034_n

สัญณาณการบอกเหตุความผิดปกติของพระองค์มีมากมาย เริ่มจากการที่พระองค์สนพระทัยเรื่องปาฏิหาริย์และเชื่อว่าการเจริญกรรมฐานจะทำให้พระองค์มีความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วๆไป ซึ่งบาทหลวงฝรั่งเศสได้บันทึกว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงรับสั่งอยู่เสมอว่าพระองค์สามารถเหาะไปในอากาศได้ ทำให้พระองค์มุ่งมั่นในการเจริญกรรมฐานอย่างหนัก โดยทรงไปปฏิบัติกรรมฐาน ณ พระอุโบสถวัดบางยี่เรือใต้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2319 การคร่ำเคร่งมากเกินไปและการมีจุดประสงค์ในการที่ผิดหลักพระพุทธศาสนา ทำให้พระองค์มีพระสติฟั่นเฟือน โดยสำคัญพระองค์ว่าทรงทรงบรรลุโสดาบัน จึงตรัสถามพระราชาคณะว่าภิกษุจะไหว้คฤหัสถ์ที่เป็นพระโสดาบันได้หรือไม่ เมื่อพระราชาคณะทูลว่าไม่ได้ก็ทรงพิโรธ ทรงให้ถอดพระราชาคณะออกจากสมณศักดิ์ แล้วให้เฆี่ยนรวมทั้งพระลูกด้วย ตั้งแต่นั้นมาพระสงฆ์เมื่อเข้าเฝ้าจะต้องถวายบังคมดังเช่นฆราวาสจนสิ้นรัชกาล นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์อื่นๆอีกมากที่แสดงถึงพระสติที่แปรปรวนของพระองค์ ทำให้พระองค์สั่งประหารชีวิตผู้คนโดยไม่มีความผิดหลายครั้ง ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งพระชายาและเจ้าจอมของพระองค์ สร้างความระส่ำระสายให้กับบ้านเมืองไปทั่ว การกระทำของสมเด็จพระเจ้าตากสินตอนปลายรัชกาล ซึ่งขัดต่อขนมประเพณีที่พระมหากษัตริย์พึงปฏิบัติ เช่น บังคับให้ภิกษุกราบไหว้พระองค์ เป็นต้น ทำให้กลุ่มขุนนางที่จงรักภักดีเริ่มเสื่อมศรัทธาในพระองค์และเอาใจออกห่าง ประกอบกับในตอนจะสิ้นรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินยังทรงกระทำการหลายอย่างที่ทำให้เชื่อว่า พระองค์เสียพระสติมากขึ้น เช่น ทรงสอบถามถึงพุทธลักษณะของพระพุทธเจ้าเพื่อเปรียบเทียบกับพระวรกายของพระองค์ ทรงสอบฌานกับพระราชาคณะ ทรงลงโทษน้าของเจ้าพระยาจักรี ตลอดจนทรงยกย่องพี่เลี้ยงของพระราชบุตรและพระราชธิดาเป็น”สมศรีสมทรง”(เมียเจ้า)*4เป็นต้น ทำให้บ้านเมืองเกิดความสับสนวุ่นวายจึงเกิดกลุ่มบุคคลต่อต้านพระองค์มากยิ่งขึ้น ในขณะที่อำนาจพระองค์กลับอ่อนแอลงเรื่อยๆ


สวนสนุกเอเวอร์แลนด์
• สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ 
เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่และดีที่สุดในเกาหลี เป็นของบริษัท ซัมซุงเอเวอร์แลนด์ สร้างในปี ค.ศ.1976 และภายในสวนสนุกแห่งนี้ มีสิ่งให้ดูให้ชมให้ละเล่นครบทุกสิ่ง ทุกฤดูกาลและตอบสนองได้ทุกเพศทุกวัย
• สถานที่ตั้ง : เอเวอร์แลนด์ ตั้งอยู่หุบเขาในเมืองยงอิน(Yongin) ทางตอนใต้ของกรุงโซล
DSC_4723


• เอเวอร์แลนด์แบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ๆ ให้เลือกเล่นได้ตามความใจชอบทั้งเครื่องเล่นที่หวาดเสียว สวนน้ำ สวนดอกไม้ ที่จัดตกแต่งสวนด้วยไม้ดอกนานาชาติ สลับกันตลอดทั้งปีและสวนสัตว์ซาฟารี ภายในสวนสัตว์ จุดเด่นอยู่ที่ไลเกอร์ (Liger) สัตว์ลูกผสมระหว่างสัตว์กับเสือ (Lion+Tiger) ที่หาดูได้ที่นี่ที่เดียวในโลก การเข้าชมสวนสัตว์แห่งนี้ ต้องนั่งรถบัสของทางสวนสนุก บรรดาสัตว์ต่างๆจะออกมาอวดโฉมให้เราเห็นกันชัดๆ ชนิดประชิดกับคันรถเลยครับ
• ส่วนเทศกาลดอกไม้ เดือนเมษายนเป็นเทศกาลดอกทิวลิป(Tulip Garden) และ ดอกซากุระ (Cherry Blossom), เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เทศกาลดอกกุหลาบ (Rose Garden) และ ดอกลิลลี่ (Lily Garden) เดือนกันยา-ตุลาคม เทศกาลดอกกุหลาบเบญจมาศ (Chrysanthemun Garden)
• ในช่วงฤดูกาลหรือเทศกาลต่างๆก็จะมีการตกแต่งสวนสนุกให้เข้ากับบรรยสกาศของเทศกาลนั้นๆ เช่น สีสันแห่งฤดูร้อน (Summer Splash) ในเดือนสิงหาคม, เทศกาลฮาลาวีน (Happy Halloween) ในเดือนตุลาคม, เทศกาลคริสต์มาสในช่วงปลายปี ก็มีการตกแต่งประดับไฟให้ต้นคริสต์มาส พร้อมกับจัดให้มีขบวนพาเหรด Christmas Holiday Fantasy ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ก็มีเทศกาลหิมะและการเล่นเลื่อนหิมะ
• เครื่องเล่นหวาดเสียวก็มีให้เล่นทั้ง Double Desk Spin, รถไฟเหาะ (Rolling X-Train), นกอินทรีเหินเวหา (Eagle’s Fortress), ล่องแก่งในป่าอะเมซอน (Amazon Express) รวมทั้งเครื่องเล่นที่หวาดเสียวนอยกว่า ประเภทชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน รถบ้ำ อะไรพวกนี้ที่เหมาะกับเด็กๆก็มีให้เลือกเล่นหลายอย่าง
• ด้วยความหลากหลายของเครื่องเล่น และการจัดแสดงต่างๆมากมาย คนเกาหลีจึงให้ฉายาสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ได้ตลอดทั้งปี เพราะไปแต่ละครั้งการจัดแสดงและตกแต่งสวนสนุกไม่เคยซ้ำกันเลย
• ค่าผ่านประตูรวมค่าเครื่องเล่น : ผู้ใหญ่ (13 ปีขึ้นไป) 33,000 วอน / เด็ก (4-12 ปี) 22,000 วอน
DSC_4698• เวลาเปิดบริการ : 09.30-20.00 น. (เดือนมีนาคม-ตุลาคม เปิดถึง 22.00 น.)

 

 

 

 

ที่มา.http://www.oceansmile.com/Korea/Everland.htm

Desertบรรยายกาศ

ที่มา : www. google.com